Generative AI

นิยามและความสำคัญ

Generative AI (GenAI) รับเอาข้อมูลที่มีอยู่ เรียนรู้จากข้อมูลนั้น แล้วสร้างข้อมูลที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่นการสร้างข้อความ รูปภาพ วิดีโอ เสียง และโค้ดคอมพิวเตอร์

GenAI กำลังเปลี่ยนโลก

ระบบ AI แบบดั้งเดิมและการเรียนรู้ของเครื่องจะจดจำรูปแบบในข้อมูลเพื่อนำมาทำนายผลลัพธ์ แต่ปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้างนั้นไม่ใช่แค่เพียงการทำนายเท่านั้น แต่ยังสร้างข้อมูลใหม่เป็นผลลัพธ์หลักอีกด้วย ลองจินตนาการว่าคุณได้รับข้อความสุนทรพจน์เต็มรูปแบบเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากป้อนคำอธิบายแนวคิดของคุณไม่กี่คำลงในแชตบอต (หรือเครื่องมืออื่นๆ เช่น ChatGPT) การสร้างดนตรี ศิลปะ หรือรูปภาพจากคำอธิบายที่เป็นข้อความ หรือการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจผ่านการสนทนาโต้ตอบโดยใช้เครื่องมือ Generative AI Bloomberg Intelligence พบว่า GenAI อาจกลายเป็นตลาดมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2032

การประยุกต์ใช้ Generative AI ในโลกจริง

Generative AI คาดว่าจะปรับโฉมอนาคตของเราในรูปแบบที่คาดการณ์ได้และไม่สามารถจินตนาการได้ ในวิดีโออธิบายนี้ คุณจะได้ยินตัวอย่างจริงของ Generative AI ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมและกรณีทางธุรกิจโดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) การสร้างข้อมูลสังเคราะห์ และ Digital Twins นอกจากนี้คุณยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อควรพิจารณาและความเสี่ยงที่สำคัญในการนำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้ เช่น ความลำเอียง การสร้างข้อมูลผิดพลาด การรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และความปลอดภัยของข้อมูล

วิวัฒนาการของ Generative AI

แม้ว่า Generative AI จะสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ Generative AI สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีที่เราใช้กันมานานหลายทศวรรษแล้ว ไม่ว่าจะเป็น AI การเรียนรู้ของเครื่อง และวิธีการทางสถิติ ต้นกำเนิดของ Generative AI สามารถสืบย้อนกลับไปได้ไกลกว่านี้ แต่เราจะเริ่มต้นด้วยปี 1966 และ แชตบอตหนึ่งที่ชื่อว่า ELIZA

Joseph Weizenbaum ผู้สร้าง ELIZA ได้ออกแบบแชตบอตนี้ให้เลียนแบบนักจิตบำบัดแนวโรเจอร์ที่เลียนแบบคำพูดของคนไข้ ELIZA ใช้การจับคู่รูปแบบเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ELIZA เป็นหนึ่งในโปรแกรมแรกๆ ที่พยายามทำการทดสอบทัวริง ซึ่งเป็นเกมเลียนแบบที่ทดสอบความสามารถของเครื่องในการแสดงพฤติกรรมอัจฉริยะเช่นเดียวกับมนุษย์ 

ในช่วงทศวรรษที่ 1970 ถึง 1990 วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลข้อความที่ไม่มีโครงสร้างได้พัฒนาไปมาก ได้เห็นการเติบโตของเครือข่ายเชิงความหมาย ออนโทโลยี เครือข่ายเป็นกลางแบบเกิดซ้ำ และอีกมากมาย ตั้งแต่ปี 2000 ถึงปี 2015 การสร้างโมเดลภาษาและการฝังคำได้รับการพัฒนาขึ้น และ Google แปลภาษาก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงนี้

ในปี 2014 Ian Goodfellow และทีมงานได้พัฒนา โครงข่ายปฏิปักษ์ก่อกำเนิด (GAN) โดยตั้งค่าเครือข่ายเป็นกลางสองเครือข่ายให้แข่งขันกันเอง ซึ่งนับว่าเป็นการฝึกเครือข่ายด้วยเช่นกัน เครือข่ายหนึ่งสร้างข้อมูลขึ้นมา ในขณะที่อีกเครือข่ายพยายามตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม โมเดลทรานส์ฟอร์เมอร์เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 โดยมีการรวมกลไกการให้ความใส่ใจในตัวเอง ซึ่งช่วยให้โมเดลสามารถชั่งน้ำหนักความสำคัญของส่วนต่างๆ ของข้อมูลนำเข้าเมื่อทำการพยากรณ์ สถาปัตยกรรมอย่าง BERT และ ELMo ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน

โมเดลทรานส์ฟอร์เมอร์ฝึกล่วงหน้าก่อกำเนิด (GPT) ปรากฏขึ้นตามมาหลังจากนั้น โดย GPT รุ่นแรกเปิดตัวในปี 2018 โมเดลแบบรู้สร้างนี้ได้รับการฝึกฝนด้วยข้อมูลข้อความจำนวนมากจากอินเทอร์เน็ต แล้วจึงเริ่มสร้างข้อความที่มีรูปแบบและเนื้อหาคล้ายกับข้อมูลการฝึกด้วยพารามิเตอร์ 117 ล้านตัว ภายในปี 2023 โมเดล GPT ภาษาขนาดใหญ่มีการพัฒนาไปจนถึงจุดที่สามารถทำข้อสอบที่ยาก เช่น ข้อสอบเนติบัณฑิต ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Generative AI ในโลกปัจจุบัน

การแข่งขันสู่ความสำเร็จด้วย Generative AI

องค์กรต่างๆ ทั่วโลกกำลังเร่งนำเทคโนโลยี GenAI มาใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ดูว่าภูมิภาคและอุตสาหกรรมต่างๆ มีความก้าวหน้าเพียงใดในรายงาน GenAI นี้ ซึ่งอิงจากการสำรวจองค์กร 1,600 แห่งทั่วโลก

ประโยชน์และความเสี่ยงจากการใช้ Generative AI

พร้อมที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของ Generative AI และสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนใช้งานแล้วหรือยัง รับเคล็ดลับในการนำเครื่องมือ Generative AI มาใช้ และเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนา AI การกำกับดูแล และการปรับใช้ รวมถึงข้อควรพิจารณาด้านจริยธรรม

เคล็ดลับสำหรับการจัดการกับเนื้อหาที่สร้างโดย AI

ผู้บริโภคเนื้อหาทั่วไปสามารถแยกแยะได้หรือไม่ว่าเนื้อหานั้นจริงหรือปลอม เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ผู้สร้างเนื้อหาที่มีจริยธรรมควรมีหน้าที่รับผิดชอบในการติดป้ายกำกับเนื้อหาที่สร้างโดย AI และผู้บริโภคควรระมัดระวังสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้ด้วย

ความจริงที่ไม่จริง: สถานะของ Generative AI

รูปภาพจำนวนมหาศาลที่สร้างขึ้นโดย AI จะสร้างความจริงผิดๆ จนนำไปสู่ความล้มเหลวของมนุษย์ได้หรือไม่ เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของคำว่า "สื่อลวงลึก (Deepfake)" ค้นพบว่าสื่อลวงลึกสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร และดูว่าเทคนิคใหม่ๆ จะช่วยตรวจจับและระบุสื่อที่สร้างขึ้นได้อย่างไร

ผู้กำหนดนโยบายใช้เทคโนโลยี Digital Twin เพื่อพิจารณาว่ามาตรการภาษีใหม่จะส่งผลต่อประชาชนอย่างไร

การระบุ “ผู้ชนะ” และ “ผู้แพ้” จากการเปลี่ยนแปลงภาษีที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะบังคับใช้กฎระเบียบถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Federal Public Service Finance ของเบลเยียม เมื่อต้องการคำตอบที่รวดเร็วและแม่นยำ FPS Finance จะใช้ Aurora ซึ่งเป็น digital twin ของเครื่องคำนวณที่ประมวลผลภาษีรายได้ของประเทศ เพื่อจำลองการปฏิรูปหนี้ในอนาคต การจำลองที่ดีขึ้นหมายความว่าผู้กำหนดนโยบายจะได้ข้อมูลและผลลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วย

ใครใช้ Generative AI บ้าง

Generative AI ครอบคลุมอุตสาหกรรมและฟังก์ชันทางธุรกิจที่หลากหลายทั่วโลก เมื่อเทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นและกระตุ้นการพัฒนา ผู้ช่วย AI ที่มีความเฉพาะทางหลากหลาย จึงก่อให้เกิดความตื่นเต้นและความกลัวในหมู่บุคคล ธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐไปพร้อมกัน ดูว่าในปัจจุบันอุตสาหกรรมต่างๆ ใช้ GenAI อย่างไร

ภาคการธนาคาร

ธนาคารและองค์กรบริการทางการเงินอื่นๆ สามารถใช้ Generative AI เพื่อปรับปรุงการตัดสินใจ ลดความเสี่ยง และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้ เมื่อโมเดล Generative AI ได้รับการฝึกให้เรียนรู้รูปแบบและระบุความผิดปกติ ก็จะสามารถระบุกิจกรรมต้องสงสัยได้แบบเรียลไทม์ ด้วยการสร้างข้อมูลจำลองสำหรับการทดสอบความเครียดและการวิเคราะห์สถานการณ์ Generative AI สามารถช่วยให้ธนาคารคาดการณ์ความเสี่ยงทางการเงินในอนาคตและป้องกันการสูญเสียได้ และผู้ช่วยเสมือน (เช่น แชตบอต) ก็สามารถให้บริการลูกค้าได้เหมือนมนุษย์ตลอด 24 ชั่วโมง

ภาคการประกันภัย

บริษัทประกันภัยสามารถใช้ข้อมูลสังเคราะห์ในการกำหนดราคา สำรองเงิน และสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทประกันภัยสามารถใช้ข้อมูลสังเคราะห์ที่คล้ายกับข้อมูลกรมธรรม์และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในอดีต เพื่อฝึกฝนและทดสอบโมเดลการกำหนดราคา ช่วยให้สามารถประเมินได้ว่ากลยุทธ์การกำหนดราคาที่แตกต่างกันจะทำงานได้ดีแค่ไหนโดยไม่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากลูกค้า ข้อมูลสังเคราะห์ยังสามารถช่วยในการประเมินเหตุการณ์ที่มีความน่าจะเป็นต่ำ เช่น แผ่นดินไหวหรือพายุเฮอริเคนได้อีกด้วย

อุตสาหกรรมด้านชีววิทยาศาสตร์

มีการประยุกต์ใช้ Generative AI ที่มีแนวโน้มดีมากมายในวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ในการค้นหายา Generative AI สามารถเร่งกระบวนการในการค้นหาตัวยาที่มีศักยภาพใหม่ๆ ได้ ในการวิจัยทางคลินิก Generative AI มีศักยภาพในการดึงข้อมูลจากข้อมูลที่ซับซ้อนเพื่อสร้างข้อมูลสังเคราะห์และ digital twin ซึ่งใช้เป็นตัวแทนของบุคคล (นับเป็นวิธีการที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวอีกวิธีหนึ่ง) การประยุกต์ใช้อื่นๆ ได้แก่ การระบุสัญญาณความปลอดภัยหรือการค้นหาการใช้งานใหม่สำหรับการรักษาที่มีอยู่

ภาคอุตสาหกรรมการผลิต

ผู้ผลิตสามารถใช้ Generative AI เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การบำรุงรักษา ห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการใช้พลังงาน เพื่อให้มีต้นทุนที่ต่ำลง เพิ่มผลผลิตมากขึ้น และความยั่งยืนที่มากขึ้น โมเดล AI สร้างสรรค์จะเรียนรู้จากข้อมูลประสิทธิภาพ การบำรุงรักษา ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ การพยากรณ์ ปัจจัยภายนอก และอื่น ๆ จากนั้นจะให้คำแนะนำกลยุทธ์เพื่อการปรับปรุง

ภาครัฐ

การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และแชตบอตสามารถช่วยให้พนักงานภาครัฐตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น การปรับปรุงบริการฉุกเฉินให้กับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม หรือช่วยเหลือชุมชนที่ด้อยโอกาส เทคนิค Generative AI เช่น โมเดลเชิงคาดการณ์และการจำลอง สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตจำนวนมหาศาล ความคิดเห็นของสาธารณะ และตัวบ่งชี้อื่นๆ จากนั้นสร้างคำแนะนำเพื่อลดความแออัด ปรับปรุงการวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน และปรับแต่งการจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม

ธุรกิจค้าปลีก

ในการค้าปลีก ความสำเร็จต้องอาศัยความเข้าใจความต้องการของผู้ซื้อ การออกแบบประสบการณ์การซื้อที่ดึงดูดลูกค้า และการรับรองการดำเนินการห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อถือได้และมีเสถียรภาพ ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกบางรายใช้ Generative AI ร่วมกับเทคโนโลยี digital twin เพื่อให้ผู้วางแผนได้เห็นภาพสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานหรือข้อจำกัดของทรัพยากร ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการจำลอง AI ที่ซับซ้อนและการสร้างโมเดลข้อมูล

ผลลัพธ์ของ Generative AI นั้น แท้จริงแล้วเป็นการสะท้อนถึงมนุษย์เรา ... ผู้บริโภคจะต้องใช้การคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณต่อไปทุกครั้งที่โต้ตอบกับ Conversational AI และหลีกเลี่ยง Automation Bias (ความเชื่อที่ว่าระบบเทคนิคมีแนวโน้มที่จะถูกต้องแม่นยำมากกว่ามนุษย์) ภาพถ่ายของ Reggie Townsend Reggie Townsend VP of the SAS Data Ethics Practice

ข้อควรพิจารณาทางจริยธรรมสำหรับการใช้ Generative AI ในธุรกิจ

เทคโนโลยีที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งอย่าง Generative AI นั้นถูกเปรียบเทียบกับการค้นพบที่สำคัญเช่นไฟฟ้าและแท่นพิมพ์ เนื่องจากโมเดล Conversational AI มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างมาก จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็เกิดความกังวลเกี่ยวกับจริยธรรมของ AI ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความถูกต้อง การสร้างข้อมูลผิดพลาด และความลำเอียง ด้วยความสามารถที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องที่เลียนแบบปัญญามนุษย์ GenAI จึงทำให้เกิด ความวิตกกังวลเกี่ยวกับ AI ขึ้นมากมาย และก่อให้เกิดการถกเถียงกันว่าควรใช้และกำกับดูแล AI อย่างไร

เรียนรู้ว่าทำไมถึงจำเป็นต้อง ใช้ระบบ AI ที่เชื่อถือได้ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คำนึงถึงมนุษย์ ความครอบคลุม และความรับผิดชอบร่วมกัน

Generative AI ทำงานอย่างไร

ตัวอย่างเทคโนโลยี Generative AI ที่นิยมบางส่วน ได้แก่ DALL-E ซึ่งเป็นระบบสร้างรูปภาพจากคำสั่งข้อความ, ChatGPT (ระบบสร้างข้อความ), แชตบอต Google Bard และ Bing เครื่องมือค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Microsoft อีกตัวอย่างหนึ่งคือการใช้ Generative AI เพื่อสร้างการแสดงแบบดิจิทัลของระบบ กระบวนการทางธุรกิจ หรือแม้แต่บุคคล เช่น การแสดงแบบไดนามิกของสถานะสุขภาพในปัจจุบันและอนาคตของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

เทคโนโลยีแบบรู้สร้างมีอยู่สามประเภทหลักๆ ได้แก่ Digital Twin, โมเดลภาษาขนาดใหญ่ และการสร้างข้อมูลสังเคราะห์


เทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยสนับสนุนและเสริมศักยภาพให้กับ Generative AI ได้แก่

อัลกอริทึม คือรายการคำสั่งทีละขั้นตอนที่ออกแบบมาเพื่อทำงานเฉพาะหรือแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง โปรแกรมคอมพิวเตอร์หลายโปรแกรมเป็นลำดับของอัลกอริทึมที่เขียนในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ เมื่ออัลกอริทึมเริ่มเข้ามาเสริมหรือแทนที่การตัดสินใจของมนุษย์ เราจะต้องสำรวจความเป็นธรรมและเรียกร้องความโปร่งใสในการพัฒนาอัลกอริทึม

ปัญญาประดิษฐ์ ช่วยให้เครื่องสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ ปรับตัวเข้ากับข้อมูลใหม่ และทำงานคล้ายมนุษย์ได้ AI มักอาศัยการเรียนรู้เชิงลึกและ NLP เป็นอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ คอมพิวเตอร์สามารถฝึกให้ทำงานเฉพาะได้ด้วยการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากและจดจำรูปแบบข้อมูลนั้น

การจัดการข้อมูล มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับรองผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้ มีจริยธรรม และปราศจากอคติ โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI, การเรียนรู้ของเครื่อง และ LLM ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากชุดข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อทำความเข้าใจและสร้างเนื้อหาใหม่

การเรียนรู้เชิงลึก เป็นการเรียนรู้ของเครื่องแขนงหนึ่งที่ฝึกให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานคล้ายมนุษย์ได้ เช่น การจดจำเสียงพูด การระบุภาพ และการทำนายผลลัพธ์ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการจำแนก รับรู้ ตรวจจับ และอธิบายด้วยข้อมูลได้อีกด้วย โมเดลการเรียนรู้เชิงลึกเช่น GAN และ Variational Autoencoders (VAEs) ได้รับการฝึกฝนด้วยชุดข้อมูลขนาดใหญ่และสามารถสร้างข้อมูลคุณภาพสูงได้ เทคนิคใหม่ๆ เช่น StyleGANs และโมเดลทรานส์ฟอร์เมอร์ช่วยสร้างวิดีโอ รูปภาพ ข้อความ และคำพูดที่สมจริง

การเรียนรู้ของเครื่อง เป็นวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลที่สร้างโมเดลเชิงวิเคราะห์โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ที่ฝึกเครื่องให้เรียนรู้ การเรียนรู้ของเครื่องมีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าระบบสามารถเรียนรู้จากข้อมูล ระบุรูปแบบ และตัดสินใจโดยมีการแทรกแซงของมนุษย์น้อยที่สุด

การประมวลผลภาษาธรรมชาติ เป็นปัญญาประดิษฐ์แขนงหนึ่งที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ ตีความ และจัดการกับภาษามนุษย์ได้ NLP ดึงความรู้จากหลายสาขาวิชา เช่น วิทยาการคอมพิวเตอร์ และภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างการสื่อสารของมนุษย์กับความเข้าใจของคอมพิวเตอร์

เครือข่ายเป็นกลาง เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีโหนดเชื่อมต่อกันซึ่งทำงานคล้ายกับเซลล์ประสาทในสมองมนุษย์ เครือข่ายเป็นกลางใช้ขั้นตอนวิธีในการจดจำรูปแบบและความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลดิบ จัดกลุ่มและจำแนกข้อมูล พร้อมทั้งเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป

การเรียนรู้แบบเสริมกำลัง คือกระบวนการที่อัลกอริทึมค้นพบผ่านการลองผิดลองถูกว่าการกระทำใดให้รางวัลสูงสุด โมเดลการเรียนรู้ของเครื่องอย่างการเรียนรู้แบบเสริมกำลังนั้นอาศัย สัญญาณรางวัลเป็นกลไกป้อนกลับ เพื่อค่อยๆ เรียนรู้กลยุทธ์หรือเป้าหมายที่ดีที่สุด (หรือให้รางวัลมากที่สุด) โดยมักถูกใช้งานกับหุ่นยนต์ เกม และ การนำทาง

การนำโมเดล Generative AI มาใช้

การดำเนินการโมเดลมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้พลังการประมวลผลและข้อมูลจำนวนมหาศาล คุณควรประเมิน ROI อย่างรอบคอบก่อนจะนำโมเดล Generative AI ไปใช้ และพิจารณาความแตกต่างระหว่างโมเดลประเภทต่างๆ เช่น โมเดลรากฐาน และโมเดลโดเมน เรื่องจริยธรรมก็ควรมีการพิจารณาด้วยเช่นกัน ข้อมูลมาจากไหน และใครเป็นเจ้าของ เชื่อถือได้หรือไม่ คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ไหมว่าโมเดลนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร

5 ขั้นตอนการปรับแต่งโมเดล

Generative AI อาศัยอัลกอริธึมและเทคโนโลยี AI ที่แตกต่างกันหลายประเภทเพื่อสร้างข้อมูลที่มีการแจกแจงความน่าจะเป็นและลักษณะคล้ายคลึงกับข้อมูลที่เรียนรู้มา ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากศูนย์ แต่คุณสามารถปฏิบัติตามห้าขั้นตอนนี้เพื่อปรับแต่งโมเดลภาษาพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้วให้เหมาะสม

1. กำหนดงาน

เลือกโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนไว้ล่วงหน้าที่เหมาะสม แล้วกำหนดงานที่ต้องการใช้โมเดลนั้นในการปรับแต่งให้ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นการจัดประเภทข้อความ (เช่น การจดจำเอนทิตี) การสร้างข้อความ เป็นต้น

2.เตรียมข้อมูล

รวบรวมและประมวลผลข้อมูลเฉพาะงานไว้ล่วงหน้า สำหรับงานต่างๆ เช่น การติดฉลาก การจัดรูปแบบ และการสร้างโทเคน สร้างชุดข้อมูลการฝึกและการตรวจสอบความถูกต้อง (และอาจรวมถึงชุดข้อมูลสำหรับการทดสอบด้วย)

3. ปรับแต่งโมเดล

ฝึกโมเดลที่แก้ไขแล้วด้วยข้อมูลเฉพาะงานของคุณ โดยใช้ชุดข้อมูลการฝึกเพื่ออัปเดตน้ำหนักของโมเดล คอยตรวจสอบผลการทำงานของโมเดลบนชุดข้อมูลการตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้โมเดลเกิดการเรียนรู้ที่เกินไปจนไม่สามารถนำไปใช้กับข้อมูลใหม่ได้

4. ประเมินและทดสอบ

หลังจากการฝึกฝน ให้ประเมินโมเดลที่ได้รับการปรับแต่งด้วยชุดข้อมูลการตรวจสอบ โดยทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นตามผลลัพธ์ เมื่อพอใจแล้ว ให้ทดสอบโมเดลบนชุดทดสอบเพื่อให้ได้การประเมินผลที่ไม่มีอคติในการทำงานของโมเดล

5. นำไปใช้งาน

เมื่อคุณมั่นใจในประสิทธิภาพของโมเดลแล้ว ให้ใช้งานตามจุดประสงค์ที่ต้องการ อาจรวมถึงการผสานรวมโมเดลเข้ากับแอปพลิเคชัน AI, เว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มอื่น

ค้นพบว่าองค์กรต่างๆ ใช้เครื่องมือ GenAI อย่างไร

องค์กรต่างๆ หลายองค์กรกำลังนำ Generative AI มาใช้ โดยอุตสาหกรรมธนาคารและประกันภัยเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการดำเนินธุรกิจประจำวัน อินโฟกราฟิกนี้เน้นถึงความสำเร็จในช่วงเริ่มแรก เช่น การจัดการความเสี่ยง การเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน การประหยัดต้นทุนการดำเนินงาน และการรักษาลูกค้าไว้ให้ได้มากขึ้น


ความก้าวหน้าในอนาคต

ดูว่าโซลูชั่น GenAI สามารถเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และความพยายามของมนุษย์ได้อย่างไร

แพลตฟอร์มข้อมูลและ AI

เมื่อมี SAS® Viya® ก็ไม่มีคำว่าข้อมูลมากเกินไป เรียนรู้วิธีที่เร็วที่สุดในการเปลี่ยนข้อมูลมหาศาลนับพันล้านจุดให้กลายเป็นมุมมองที่ชัดเจน